เกียวโต
เกียวโตจะพาคุณไปสัมผัสกับ “จิตวิญญาณของญี่ปุ่น” สวมชุดกิโมโนแบบดั้งเดิมระหว่างที่เดินทางสำรวจวัดและศาลเจ้าเก่าแก่ในเมือง พร้อมลิ้มลองอาหารสไตล์ญี่ปุ่นที่คุณภาพดีและมีชื่อเสียง
บทความที่เกี่ยวข้อง
-
แมวน้ำสีแดงที่ผิดปกติและเครื่องรางนำโชค! ศาลเจ้าและวัด 12 แห่งในคันไซที่เกี่ยวข้องกับนักษัตรจีน
ในญี่ปุ่นมีศาลเจ้าและวัดที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ คนญี่ปุ่นบางคนไปเยี่ยมชมศาลเจ้าที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ของจักรราศีจีนซึ่งใช้เป็นตัวเลขในญี่ปุ่นหรือพวกเขาเยี่ยมชมศาลเจ้าของราศีของปีเกิดทุกปี นักษัตรจีนคืออะไร? และเราแนะนําศาลเจ้าและวัดในเกียวโตโกเบและโอซาก้าที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ในจักรราศีจีน -INDEX- นักษัตรจีนคืออะไร? 【หนู】Kyoto Philosopher's Walk, Otoyo Shrine 【Ox】Kitano Tenmangu Shrine, Kyoto 【Tiger】Ryosokuin, Kyoto Kawaramachi 【Rabbit】ศาลเจ้า Higashitenno Okazaki, Kyoto Kawaramachi 【มังกร】ศาลเจ้า Minatogawa, Hyogo 【Snake】Himejima ศาลเจ้า, โอซาก้า 【ม้า】ศาลเจ้า Kamo Wakeikazuchi Jinja (Kamigamo Jinja), เกียวโต 【แกะ】Kokuzo Hourinji, Arashiyama, Kyoto 【ลิง】 Ryuanji Temple, Minoh, Osaka 【Rooster】Nagata Shrine, Hyogo 【Dog】Nakayamadera Temple, Hyogo 【Boar】ศาลเจ้า Goou Jinja Shinto, Kyoto Karasuma แต่เดิมนักษัตรจีนอ้างถึงปฏิทินที่รวม "สิบสัญญาณของจักรราศี" และ "สิบสองสัญญาณของจักรราศีจีน" ซึ่งใช้ในประเทศจีนมาตั้งแต่สมัยโบราณ ในญี่ปุ่นสมัยใหม่คําว่า "จักรราศี" ใช้เพื่ออ้างถึง "สิบสองสัญญาณของจักรราศีจีน" เท่านั้นและหมายถึงสัตว์ 12 ตัวที่เป็นตัวแทนของปี 【หนู (เนอะ)】ปี 2020 【วัว (อุชิ)】ปี 2021 【เสือ (โทระ)】ปี 2022 【กระต่าย (U)】ปี 2023 【มังกร (ทัตสึ)】ปี 2024 【งู (มิ)】ปี 2025 【ม้า (อุมะ)】ปี 2026 【ราม (ฮิตสึจิ)】ปี 2027 【ลิง (ซารุ)】ปี 2028 【ไก่ (โทริ)】ปี 2029 【สุนัข (อินุ)】ปี 2030 【หมูป่า (I)】ปี 2031 เมื่อสิบสองราศีจีนมาเต็มวงกลม พวกเขาจะถูกนําไปใช้อีกครั้งจากหนูตัวแรก (NE) นักษัตรจีนใช้เป็นลวดลายสําหรับรูปภาพบนการ์ดอวยพรปีใหม่ที่ส่งเมื่อต้นปี เช่นเดียวกับในการสนทนาในชีวิตประจําวัน "เป็นปีเสือ" และในการบอกโชคลาภ ด้วยวิธีนี้นักษัตรจีนได้กลายเป็นหนึ่งในตัวเลขที่คุ้นเคยมากที่สุดสําหรับคนญี่ปุ่น ให้เราแนะนําศาลเจ้าคันไซและวัดที่เกี่ยวข้องกับจักรราศีจีนต่อไป ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่รู้จักในนาม "ศาลเจ้าแห่งโคมะเนซุมิ" (หนูผู้พิทักษ์) ตั้งอยู่บนถนนปรัชญาในเกียวโต รูปปั้นโคมะเนซุมิสองรูปเฝ้าศาลเจ้าโอคุนิชะในบริเวณศาลเจ้า แบบฟอร์ม A ทางด้านขวาถือม้วนหนังสือที่แสดงถึงการเรียนรู้และรูปแบบ Un ทางด้านซ้ายถือลายจุดซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์และความเจริญรุ่งเรืองของลูกหลาน ตราประทับสีแดงหนังสือตราประทับสีแดงและพระเครื่องได้รับการออกแบบหลังจาก Koma-Nezumi นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นแปลก ๆ อื่น ๆ ในบริเวณศาลเจ้ารวมถึงงูผู้พิทักษ์ลิงผู้พิทักษ์สุนัขจิ้งจอกผู้พิทักษ์และกระรอกบินผู้พิทักษ์ เป็นศาลเจ้าหลักของศาลเจ้าเท็นมังกูและเทนจินฉะประมาณ 12,000 แห่งทั่วประเทศญี่ปุ่นซึ่งอุทิศให้กับ Sugawara no Michizane เทพเจ้าแห่งการเรียนรู้ ในบริเวณศาลเจ้ามีรูปปั้นวัวผู้ส่งสารของ Sugawara no Michizane รูปปั้นวัวที่ศาลเจ้าวัวซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของบริเวณศาลเจ้าได้รับการกล่าวขานว่าเป็นรูปปั้นที่เก่าแก่ที่สุดในบริเวณนี้และว่ากันว่าถ้าคุณลูบรูปปั้นวัวความปรารถนาเดียวเท่านั้นที่จะเป็นจริง วัดเรียวโซคุอินอุทิศให้กับ Bishamonten เทพเจ้าแห่งสงครามซึ่งมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับเสือ Koma-Tora (เสือผู้พิทักษ์) ที่หายากถูกวางไว้ที่นี่และการแสดงออกของมันก็กล้าหาญเหมือนของจริง! หลังจากเยี่ยมชมวัดคุณจะได้รับตราประทับสีแดง สัญลักษณ์ของศาลเจ้าแห่งนี้คือกระต่ายซึ่งมาจากตํานานว่าที่นี่ได้รับพรจากความอุดมสมบูรณ์และจากความจริงที่ว่าเคยมีกระต่ายจํานวนมากในพื้นที่โอคาซากิ นอกจากกระต่ายผู้พิทักษ์และกระต่ายที่พาเด็ก ๆ มาที่ศาลเจ้าแล้วยังมี "Usagi-mikuji omamori (เสน่ห์กระต่าย)" ที่น่ารักอีกด้วย หนึ่งในศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงที่สุดในจังหวัดเฮียวโกะอุทิศให้กับนายพล Masashige Kusunoki ผู้ยิ่งใหญ่ ภาพวาด 164 ภาพบนเพดานของศาลาศาลเจ้าได้รับการอุทิศโดยศิลปินที่มีชื่อเสียงจากทั่วประเทศญี่ปุ่นและ "มังกรสีน้ําเงินที่ยิ่งใหญ่" โดย Fukuda Bisen ที่เกิดในเฮียวโงะเป็นผลงานชิ้นเอก ตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 3 มกราคม ผู้ที่ได้รับคําอธิษฐานปีใหม่ครั้งแรกสามารถเข้าไปในห้องโถงเพื่อชมพิธีได้ และตั้งแต่วันที่ 4 มกราคมเป็นต้นไป ผู้เข้าชมสามารถมองขึ้นไปจากทางเข้าด้านทิศใต้ของห้องโถงหลักซึ่งเป็นที่ตั้งของกล่องบูชา เชื่อกันว่างูเป็นสัญลักษณ์ของการเกิดใหม่ในญี่ปุ่น และศาลเจ้า Himejima เป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่อุทิศให้กับเทพเจ้างู ด้านหลังศาลเจ้าที่อุทิศให้กับเทพเจ้างู ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์อายุ 900 ปีที่ถูกเผาในการโจมตีทางอากาศในปี 1945 ยังคงหลงเหลืออยู่และกล่าวกันว่าเป็น "ต้นไม้แห่งการเริ่มต้นใหม่" เทพหลักคือ Akaruhimenomikoto ผู้ซึ่งเริ่มต้นใหม่ในพื้นที่นี้และเชื่อกันว่าเป็นศาลเจ้า "เริ่มต้นใหม่" เนื่องจากทุกอย่างเคยสูญหายไปในสงคราม ตั้งแต่สมัยโบราณศาลเจ้ามีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับม้า ว่ากันว่าการได้เห็นม้าขาวในงาน "พิธีเที่ยวชมม้าขาว" ที่จัดขึ้นในวันที่ 7 มกราคมของทุกปีจะกวาดล้างศาลเจ้าแห่งวิญญาณชั่วร้ายสําหรับปี เป็นศาลเจ้าที่หายากซึ่งยังคงสามารถเห็นม้าศักดิ์สิทธิ์ได้ในวันใดวันหนึ่ง วัดโคคุโซโฮรินจิเป็นจุดท่องเที่ยวที่คุณสามารถชมทิวทัศน์ของเมือง Arashiyama จากบริเวณวัดได้ รูปปั้นแกะซึ่งเชื่อกันว่าเป็นผู้ส่งสารหรือชาติของ Kokuzo Bosatsu ซึ่งเป็นเทพหลักของวัดถูกวางไว้ในบริเวณวัดและกล่าวกันว่าให้สติปัญญาเมื่อสัมผัส วัดแห่งนี้เป็นบ้านเกิดของลอตเตอรี่และกล่าวกันว่าเป็นวัดแห่งแรกในญี่ปุ่นที่บูชาเบ็นไซเต็น บริเวณวัดตั้งอยู่ในสวนธรรมชาติที่ลิงแสมญี่ปุ่นอาศัยอยู่ อุทยานธรรมชาติแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของน้ําตก Minoh ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในน้ําตก 100 อันดับแรกของญี่ปุ่น ลิงสามตัวที่มีตาหูและปากปิดด้วยมือของพวกเขาเป็นตัวแทนของคําสอนที่ว่า "ไม่เห็นความชั่วร้ายไม่ได้ยินความชั่วร้ายไม่พูดความชั่วร้าย" = "เป็นการดีกว่าที่จะไม่เห็นได้ยินหรือพูดถึงสิ่งชั่วร้าย" ไก่ได้รับการเคารพนับถือในฐานะผู้ส่งสารของเทพเจ้ามานานแล้ว ว่ากันว่าไก่เคยเดินเตร่ในบริเวณศาลเจ้าและนักบวชในศาลเจ้าไม่เคยกินเนื้อไก่หรือไข่ การตกแต่งที่หรูหราของห้องโถงบูชาก็ควรค่าแก่การสังเกตเช่นกัน วัดนากายามะเดระมีชื่อเสียงในเรื่องการสวดมนต์เพื่อให้คลอดบุตรได้ง่าย เนื่องจากสุนัขมีน้ําหนักเบาในการคลอดบุตรผู้หญิงหลายคนจึงไปที่วัดในวันที่สุนัขอธิษฐานขอให้คลอดง่าย ของขวัญสําหรับการจัดส่งที่ปลอดภัยก็เป็นที่นิยมเช่นกัน ศาลเจ้าโกว (Goou Shrine) เป็นสถานที่ของเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับหมูป่าที่ช่วยชีวิตเจ้าชายเวคโนะคิโยมาโระซึ่งเส้นเอ็นที่ขาของเขาถูกตัด ด้วยเหตุนี้ศาลเจ้าจึงเป็นที่รู้จักในฐานะเทพผู้พิทักษ์ขาและเท้าและหมูป่าโคมะ (หมูป่าผู้พิทักษ์) ถูกวางไว้ที่ด้านหน้าของศาลเจ้า รูปปั้นหมูป่าในอ่างรดน้ําด้วยมือมีชื่อเสียงในการนําความโชคดีมาให้เมื่อจมูกถูกลูบ เครื่องรางนําโชคและ ema (แท็บเล็ตภาพคําปฏิญาณ) ยังมีลวดลายหมูป่า การเยี่ยมชมศาลเจ้าที่เกี่ยวข้องกับจักรราศีจีนและรับพรเป็นวิธีหนึ่งในการเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมญี่ปุ่น หากคุณเดินทางไปญี่ปุ่นอย่าลืมเยี่ยมชม
-
9 จุดประดับไฟฤดูหนาวที่สวยที่สุดในโอซาก้า เกียวโต และโกเบ!
คุณกำลังสงสัยว่าจะไปเที่ยวที่ไหนในคันไซในฤดูหนาวดีไหม ในญี่ปุ่น งานประดับไฟหลักๆ จะจัดขึ้นในสถานที่ต่างๆ เริ่มตั้งแต่อุเมดะ โอซาก้า ซึ่งเป็นศูนย์กลางของคันไซ อาคารและสัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ในเกียวโตและโกเบจะได้รับการประดับประดาด้วยสีสันอันสวยงามเป็นระยะเวลาจำกัด ในปีนี้ เทศกาลดั้งเดิมของโกเบซึ่งเต็มไปด้วยคำอธิษฐานและความหวังของชาวโกเบจะกลับมาอีกครั้ง โปรดอย่าลืมใส่ไว้ในแผนการเดินทางของคุณ ※รูปภาพทั้งหมดมีไว้เพื่อเป็นภาพประกอบเท่านั้น <โอซาก้า>เทศกาลแห่งแสงไฟในโอซาก้า 2024 <โอซาก้าอุเมดะ>UMEDA SKYBUILDING คริสต์มาส 2024 <โอซาก้าอุเมดะ>GRAND FRONT OSAKA「GRAND WISH CHRISTMAS 2024~Infinity Lights~」 <โอซาก้าอุเมดะ>Champagne Gold Illumination ใน UMEKITA <โอซาก้าอุเมดะ>ห้ามพลาดด้วย!「UMEDA MEETS HEART 2024」 <โอซาก้า>OSAKA CASTLE ILLUMINAGE 2024 <เกียวโต>NAKED's Garden of Japanese Lights at Heian Jingu Shrine<โกเบ>ตลาดคริสต์มาสโกเบ 2024 <Kobe>umie Winter Illumination 「Midosuji Illumination 2024」3 พฤศจิกายน (อาทิตย์) ~31 ธันวาคม 2024 (อังคาร) 「OSAKA Hikari-Renaissance 2024」14 ธันวาคม (เสาร์) ~25 ธันวาคม 2024 (พุธ) 「Area Program」กำหนดการงานแตกต่างกันไปตามสถานที่และสถานที่ “เทศกาลแห่งแสงไฟในโอซาก้า 2024” เป็นงานใหญ่ประจำฤดูหนาวที่จัดขึ้นในสถานที่ต่างๆ ทั่วจังหวัดโอซาก้า! Midosuji Illumination 2024 จะประดับไฟมิดสึจิ ถนนสัญลักษณ์ที่เชื่อมระหว่างอุเมดะ ชินไซบาชิ และนัมบะ เป็นระยะทางรวม 4 กิโลเมตร OSAKA Hikari-Renaissance 2024 จัดแสดงไฟประดับที่สวยงามตระการตาตลอดแนวน้ำของนากาโนะชิมะ สัญลักษณ์ของเมืองแห่งสายน้ำของโอซาก้า Osaka City Central Public Hall ซึ่งได้รับการกำหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญ เป็นสถานที่ที่ต้องมาชมด้วยการแสดงไฟ LED 3D Mapping ที่น่าทึ่ง! สถานที่: บริเวณ Midosuji (แยก Hanshin~แยกทางออก Namba West), Osaka City Central Public Hall~สวน Nakanoshima, สวนอนุสรณ์ Expo '70 เป็นต้น วันที่: 22 พฤศจิกายน (ศุกร์) ~25 ธันวาคม 2024 (พุธ) Umeda Sky Building ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งของ Umeda กำลังจัดงานประดับไฟที่ตระการตา ในลานชั้น 1 มีการเปิดตัวต้นไม้สัญลักษณ์สูงประมาณ 25 เมตรที่ประดับด้วยไฟ LED ประมาณ 130,000 ดวง ธีมของปีนี้คือ “Sparkle Fantasy: The World of The Nutcracker” ซึ่งนำเรื่องราวอันน่าหลงใหลของ The Nutcracker มาสู่ชีวิต โดยต้นไม้จะเปล่งประกายระยิบระยับไปพร้อมกับเสียงดนตรีของไชคอฟสกี ที่ Kuchu Teien Observatory พื้นที่สังเกตการณ์ในร่มชั้น 40 จะกลายเป็นป่าต้นไม้สีชมพู! ตกแต่งด้วยธีม “Dreamin' Girl Clara's Another Story…” ซึ่งมีธีมเกี่ยวกับความฝันอีกแบบที่ Clara ตัวละครเอกจากเรื่อง The Nutcracker พบเจอ อย่าพลาดจุดถ่ายรูปเพื่อเก็บภาพบรรยากาศมหัศจรรย์นี้! วันที่: 7 พฤศจิกายน (พฤหัสบดี) ~25 ธันวาคม 2024 (พุธ) *ไม่รวมบางส่วน ต้นคริสต์มาสยักษ์ที่ Knowledge Plaza ในอาคารด้านเหนือของ Grand Front Osaka สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้มาเยี่ยมชมทุกปีด้วยการออกแบบที่น่าหลงใหล ต้นคริสต์มาสของปีนี้มีชื่อว่า “Infinity Wish Tree” มีภายในและภายนอกที่ห่อหุ้มด้วยวัสดุกระจกเงา สร้างการจัดแสดงที่ตระการตาที่เปลี่ยนไปตามมุมและช่วงเวลา ยืนอยู่หน้าวัตถุสามเหลี่ยมที่ล้อมรอบต้นไม้ แล้วคุณจะรู้สึกราวกับว่าได้ก้าวเข้าไปในกล้องคาไลโดสโคป! นอกจากนี้ยังเป็นจุดถ่ายรูปที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย การแสดงแสงไฟช่วยเสริมบรรยากาศอันน่ามหัศจรรย์ด้วยสีสันที่สลับไปมาระหว่างสีเหลือง สีแดง และสีน้ำเงิน ห่อหุ้มพื้นที่ด้วยแสงที่น่าหลงใหลยิ่งขึ้น สถานที่: อาคาร Grand Front Osaka ทางทิศเหนือ/ทิศใต้, Umekita Plaza เป็นต้น การแสดงแสงไฟ: 16:00-24:00 น. ในวันธรรมดา และ 15:00-24:00 น. ในวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ *ทุก ๆ 15 นาที (การแสดงรอบสุดท้ายเวลา 23:45 น.) วันที่: 7 พฤศจิกายน 2024 (พฤหัสบดี) ~28 กุมภาพันธ์ 2025 (ศุกร์) งานประดับไฟ "Umekita Area" ซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือของสถานี JR Osaka ถือเป็นงานที่ห้ามพลาด นอกจาก Grand Front Osaka แล้ว ส่วนหนึ่งของ Grand Green Osaka และ Umekita Park ที่เพิ่งเปิดใหม่ยังประดับประดาด้วยไฟ LED ประมาณ 250,000 ดวง แสงสีทองแชมเปญอันหรูหราช่วยสร้างบรรยากาศโรแมนติกและน่าหลงใหล สถานที่: Grand Front Umekita Plaza, Grand Green Osaka Umekita Park เป็นต้น วันที่: 1 ธันวาคม (อาทิตย์) - 25 ธันวาคม 2024 (พุธ) เมืองอุเมดะจะตกแต่งและประดับไฟเป็นรูปหัวใจ ข้อความแห่งความฝันและความหวังจากเด็กๆ จะถูกจัดแสดงเป็นงานศิลปะขนาดยักษ์ กิจกรรมสะสมแสตมป์จะจัดขึ้นเพื่อให้การเดินเล่นรอบเมืองสนุกสนานยิ่งขึ้น และเมืองทั้งเมืองจะเต็มไปด้วยหัวใจที่อบอุ่น นอกจากนี้ ยังมีตลาดพิเศษที่เรียกว่า HEART MARCHE ซึ่งคุณจะได้พบกับเครื่องดื่มบรรจุขวดและของว่างยอดนิยม เช่น เมนจิคัตสึ สถานที่: ย่านอุเมดะ วันที่: 15 พฤศจิกายน 2024 (ศุกร์) - 16 กุมภาพันธ์ 2025 (อาทิตย์) สวนนิชิโนะมารุของ Osaka Castle จะสว่างไสวด้วยหลอด LED ประมาณ 3.5 ล้านดวง โดยมีฉากหลังอันสง่างามของปราสาท การประดับไฟครั้งนี้มีลวดลายต่างๆ เช่น โชกุน ซามูไร และหมวกกันน็อค แสดงให้เห็นถึงประวัติศาสตร์ของโอซากะตั้งแต่ยุคเซ็นโกกุจนถึงปัจจุบัน ไฮไลท์ที่โดดเด่นคือ “เรือประดับไฟขนาดเท่าคนจริง” ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก “เรือนันบัน” ที่เคยมาถึงญี่ปุ่น สถานที่จัดแสดงใหม่แห่งนี้ให้ผู้เยี่ยมชมได้ก้าวเข้าไปในเรือที่ได้รับการประดับไฟให้สวยงามตระการตา สถานที่จัดแสดงอื่นๆ ได้แก่ “อุโมงค์ทางเดินสีทอง” และการแสดงแสงนีออนที่ใช้สำนวนภาษาถิ่นโอซากะ เช่น “โดไน?” และ “นันเดยาเนน” นิทรรศการเหล่านี้เต็มไปด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวของโอซากะ! สถานที่จัดแสดง: สวนนิชิโนะมารุ Osaka Castle วันที่: 13 ธันวาคม 2024 (ศุกร์) - 13 มกราคม 2025 (จันทร์) *ปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2024 ถึง 5 มกราคม 2025 สัมผัสกับความมหัศจรรย์ของ Heian Jingu Shrine จิงกูของเกียวโต ซึ่งได้รับการกำหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศ โดยสวนญี่ปุ่นอันเก่าแก่ผสานกับศิลปะดิจิทัลล้ำสมัย! “NAKED's Garden of Japanese Lights at Heian Jingu Shrine” เป็นอีเวนต์ศิลปะแบบดื่มด่ำที่จัดขึ้นในสวน Higashi Shin'en และ Naka Shin'en ไฮไลท์ ได้แก่ การฉายภาพแผนที่บน Shobikan อันเลื่องชื่อ การจัดแสดงแสงและควันเหนือสระน้ำที่สร้างบรรยากาศลึกลับ และศิลปะดิจิทัลที่เปลี่ยนสวนอันไร้กาลเวลาให้กลายเป็นปรากฏการณ์เหนือโลก ค้นพบเสน่ห์ฤดูหนาวแบบใหม่ของเกียวโตผ่านอีเวนต์สุดน่าหลงใหลนี้! สถานที่: Heian Jingu Shrine วันที่: 9 พฤศจิกายน (ส.) - 25 ธันวาคม 2024 (พ.) อีเวนต์คริสต์มาสพิเศษจัดขึ้นที่ Kobe Nunobiki Herb Gardens ซึ่งตั้งอยู่บนระดับความสูงประมาณ 400 เมตร เพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเมืองโกเบอันน่าทึ่งควบคู่ไปกับหอคอยที่ตกแต่งดั้งเดิมของสวน ทำให้ที่นี่เป็นจุดถ่ายภาพที่สมบูรณ์แบบ! งานนี้มี "ตลาด" ที่นำเสนองานฝีมือ ของประดับ และปฏิทินนับถอยหลังคริสต์มาสของเยอรมัน รวมถึง "เทศกาลเยอรมนี 2024 -เทศกาลเบียร์และไวน์-" ซึ่งคุณสามารถลิ้มรสไวน์อุ่นเยอรมันแท้และสตูว์เนื้อได้ ตั้งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองโกเบและย่านคิตาโนะอิจินคังเพียงระยะสั้นๆ จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับใช้ร่วมกับแผนท่องเที่ยวโกเบของคุณ สถานที่: สวนสมุนไพรและกระเช้าลอยฟ้านูโนบิกิในโกเบ ➡ดูรายละเอียดได้ที่นี่ ▼อ่านบทความเหล่านี้▼ อาหารรสเลิศ 10 อันดับแรกในโกเบ! อาหารพิเศษและอาหารท้องถิ่นที่คนท้องถิ่นแนะนำ ครั้งแรกที่ไปโกเบ 21 สิ่งที่ควรทำ! เที่ยวชมสถานที่ต่างๆ รับประทานอาหาร คอร์สตัวอย่าง วันที่: 2 พฤศจิกายน 2024 (ส.) ~ 14 กุมภาพันธ์ 2025 (ศ.) *umie CENTER STREET จนถึง 25 ธันวาคม ท่ามกลางฉากหลังของทิวทัศน์ยามค่ำคืนของท่าเรือโกเบ ประติมากรรมดอกกุหลาบแดงสดใสช่วยเพิ่มความสง่างาม! ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ umie ในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของโกเบอย่าง Kobe Harborland ยังจัดงานประดับไฟที่สวยงามตระการตาอีกด้วย ด้านหน้าศูนย์การค้าริมน้ำ MOSAIC มีการจัดแสดงประติมากรรมดอกกุหลาบแดงอันโดดเด่น ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากธีม “Present for…” สื่อถึงความรู้สึกอบอุ่นของความรักและความเอาใจใส่ ซึ่งถ่ายทอดออกมาอย่างสวยงามผ่านแสงไฟที่เรืองแสงและลวดลายดอกกุหลาบ ที่ umie Center Street ต้นคริสต์มาสสูงตระหง่าน 6 เมตรที่ประดับด้วยเครื่องประดับสีแดงและสีทองจะปรากฏตัวเป็นพิเศษในช่วงเทศกาลวันหยุด ศูนย์การค้าทั้งหมดถูกแปลงโฉมเป็นแดนมหัศจรรย์แห่งเทศกาลซึ่งส่องสว่างด้วยแสงไฟประดับวันหยุดอันอบอุ่น การประดับไฟทั้งหมดจะสว่างไสวจนถึงเที่ยงคืนครึ่ง เพลิดเพลินไปกับค่ำคืนสุดโรแมนติกของเมืองโกเบ! สถานที่: Kobe Harborland umie MOSAIC
-
7 สุดยอดออนเซ็น ใกล้โอซาก้า
Onsen, or hot spring, is definitely one thing that you need to experience in Japan! If you have limited time but are eager to enjoy the unique atmosphere of a hot spring town, spend a night at an onsen inn, or combine sightseeing with a quick visit to a hot spring, we have selected some of the best hot springs and onsen towns near Osaka. Check the following recommendations as inspiration for planning your trip! Index Onsen etiquette: Everything you need to know about hot spring One of the best Japanese onsen towns near Osaka & Kyoto: Arima Onsen Coastal delights and hot spring town near Osaka: Kinosaki Onsen Hidden gem for hot spring enthusiasts: Takedao Onsen Koyokan Bettei Azalee Natural hot springs with private bath options in center Osaka: Solaniwa Onsen Can also visit Minoh Waterfall: Ooedo Onsen Monogatari Minoh Onsen Spa Garden Enjoy two types of natural hot springs in private rooms: Takenosato Onsen Manyo no Yu Only 50 minutes from Osaka by Hankyu Railway: Kyoto Arashiyama Onsen Fu Fu no Yu Before you try Japan’s hot springs, understanding onsen etiquette is essential. In Japan, there is a deep-rooted etiquette for enjoying hot springs, which centers on showing consideration for others sharing the bath. Knowing this etiquette is also part of the cultural experience! Here, we introduce some general guidelines to follow. 1.Please avoid bathing after consuming alcohol. 2.Before entering the bath, make sure to rinse off any dirt by using the shower and soap. 3.Keep your hair and towel out of the bath water. It is considered impolite to enter the bath in a swimsuit or underwear. 4.Diving or swimming in the bath is not allowed. 5.When using the shower or wringing out towels, take care not to splash water on others. 6.Before leaving the bath area, wipe off excess water from your body with a wrung-out towel. 7.The use of smartphones and taking photos is prohibited in both the bath and dressing room areas. Besides, having tattoos may often restrict access to public baths. It’s recommended to check the rules on the official website of any hot spring facility you plan to visit. Recently, some facilities allow guests with tattoos if they are covered with stickers. Additionally, selecting an accommodation with a private bath attached to the room or opting for a reservable private bath are great options for tattooed guests to enjoy the onsen or hot spring. Located in Hyogo, Arima Onsen is a recommended hot spring town for travelers coming from Osaka or Kyoto. It’s not only one of Japan’s three best historical hot springs, but also stands out for its easy accessibility. Dating back to around the year 600, Arima Onsen offers a unique experience with two distinct types of hot springs: Kinsen, a reddish-brown spring rich in iron, and Ginsen, a clear, radon-infused spring. These springs differ remarkably in appearance, scent, and feel. Be sure to try both at the public baths Kin-no-Yu and Gin-no-Yu to fully appreciate their unique qualities! * “Kin-no-Yu” and “Gin-no-Yu” are both tattoo-friendly. The hot spring town is packed with souvenir shops and local eateries, making it a great place for leisurely strolling. While exploring, you might even see the steam rising from the springs! For convenient access, express buses run directly to Arima Onsen from Osaka Umeda and Kyoto, making it easy to travel even with larger luggage. Travel time from Osaka to Arima Onsen is about an hour one way by express bus, making it an easy day trip option. However, with a variety of ryokan and hotels to choose from, staying overnight is also a great choice to fully immerse yourself in the charming atmosphere of this onsen town. If you’re looking to visit Arima Onsen affordably, consider the “Taiko-no-Yu” coupon, which includes a rail pass and admission to the “Taiko-no-Yu” onsen facility—a perfect package for getting the most out of your visit! ▼Check here for more details▼ Arima Onsen-1 Day Trip|Enjoy Hot Springs, Gourmet, and Nature! The 10 best food and sweets in Arima Onsen Town Arima Onsen Taikou-no-yu Package Tickets Kinosaki Onsen, located close to the Sea of Japan in northern Hyogo Prefecture, is one of Kansai’s most popular hot spring towns besides Arima Onsen. During winter, many visitors flock here to enjoy the famous crabs caught locally around Kinosaki Onsen. The highlights of Kinosaki are savoring fresh seafood and hopping between its unique public baths! In addition to crab, the town’s restaurants serve fresh sashimi and seafood rice bowls. The “soto-yu meguri,” or bath-hopping, invites you to visit the town’s seven public baths, each with its own architecture, atmosphere, and water qualities. Enjoy the variety as you explore each one! *All 7 public baths of Kinosaki Onsen are tattoo-friendly. Winter is the ideal season to visit Kinosaki Onsen, offering a chance to witness the enchanting snowy landscape that adds to the charm of this traditional hot spring town. An overnight stay is highly recommended to fully enjoy Kinosaki’s atmosphere. Stroll through the town in yukata and geta provided by the inn, experiencing a unique side of Japanese culture. For an additional activity, try your hand at the traditional craft of making mugi-wara zaiku, or straw craft, for an authentic local experience. About an hour by train from Osaka Umeda, Takedao Onsen Koyokan Bettei Azalee sits quietly in the Takarazuka Valley. This serene inn is ideal for those seeking a more relaxed stay surrounded by nature rather than in a bustling hot spring town. Each guest room at Takedao Onsen Koyokan Bettei Azalee is a private cottage with its own 100% natural hot spring bath. Here, you can enjoy uninterrupted relaxation while taking in the natural scenery. As a private space, it’s also tattoo-friendly. In the evening and morning, Japanese cuisine crafted with seasonal ingredients are prepared, including options with premium Japanese Black Wagyu beef for sukiyaki or shabu-shabu. There’s also a spacious open-air communal bath (accessible to guests with tattoos), where you can enjoy soaking in a large, scenic hot spring. For those on a tighter schedule, Takedao Onsen Koyokan Bettei Azalee offers day-use options, including guest rooms with private, natural hot spring baths. If you don’t have time to venture out of town, Solaniwa Onsen in Osaka offers a convenient and relaxing hot spring experience within the city. Located 10-minute from Osaka Umeda by JR and right outside Bentencho Station, this onsen theme park features a grand bath area with nine different types of baths. Plus, the rooftop boasts an expansive 3,300 square meters Japanese garden—perfect for strolls and photo ops! Another great reason to visit Solaniwa Onsen is the private baths. There are ten private rooms equipped with open-air baths, a tsuboniwa (small traditional garden), and a relaxation space. For a more authentic onsen experience, there are special tatami-mat rooms, which offer the ambiance of a traditional Japanese inn right within the city. ▼Check this article▼ 4 private onsen & baths to enjoy in a private room in Osaka! Hot spring resorts where you can stay overnight or enjoy a day trip Located in northern Osaka, Minoh Waterfall is a scenic spot surrounded by a lush forest park. It’s the perfect destination for those looking to escape the hustle and bustle of the city and experience another side of Osaka’s natural beauty. Near Minoh Waterfall, you’ll find the hot spring theme park “Ooedo Onsen Monogatari Minoh Onsen Spa Garden.” Known as “beauty water” for its smooth, viscous texture, the high-quality bicarbonate spring here offers a soothing experience. The facility is packed with entertainment activities, providing visitors with chances to experience traditional Japanese culture! The large bath area features a Japanese aesthetic with a wall mural of Mt. Fuji, tatami flooring, and a stone bridge, creating a unique and relaxing ambiance. There’s also an outdoor bath for enjoying the open air. In addition, there are free performances, including traditional theater and music shows, along with classic Japanese pastimes like table tennis (a favorite onsen activity) and stalls offering fun games like shooting galleries. Wearing a yukata, you can enjoy a festive atmosphere reminiscent of a traditional Japanese fair. By the way, how about combining a visit to Minoh since it is right nearby? ▼Check this article▼ Minoh, one of the famous tourist spots in Osaka Minoh, Osaka-1 Day Trip|Enjoy The Most Beautiful Nature in Osaka! Kyoto Takenosato Onsen Manyo no Yu is a 24-hour natural hot spring, a rarity in Kyoto City, offering two types of mineral-rich spring water, “simple spring” and “sodium bicarbonate spring.” Known as “beautifying waters,” both types will leave your skin feeling silky smooth! Inside the facility, you’ll find nine types of baths, including open-air baths, jacuzzis, high-concentration carbonated baths, reclining baths, and saunas. There are also private rooms with open-air baths available for day-use, offering a serene and private experience. At Takenosato Onsen Manyo no Yu, you can enjoy the onsen on its own, but it’s even better to combine it with sightseeing in the Kyoto Nishiyama area! The Kyoto Nishiyama area is actually a hidden gem! Here, you’ll find traditional temples, a grand bamboo grove (even larger than the one in Arashiyama!), and the world-famous Suntory Yamazaki Distillery (tours require advance reservation). For more detailed highlights of Kyoto Nishiyama, check out the article linked below! ▼Highlights on Kyoto Nishiyama▼ Kyoto Nishiyama|An undiscovered sightseeing spot in Kyoto! Arashiyama, one of Kyoto’s most popular sightseeing spots, also has its own hot springs! “Kyoto Arashiyama Onsen Fu Fu no Yu” is a day-use hot spring facility located about an 8-minute walk from Hankyu Arashiyama Station. Positioned across from the scenic Nakanoshima Park in the Arashiyama district, it offers a convenient stop during your sightseeing, with views of the famous Arashiyama and Togetsukyo Bridge nearby. At the indoor baths of Fufu-no-Yu, you can enjoy the natural “Arashiyama Onsen.” The spring water at Arashiyama Onsen is a mildly alkaline simple spring, known for its therapeutic benefits for nerve and muscle pain, as well as its skin-beautifying properties perfect for soothing tired feet after sightseeing. The onsen also features a rustic open-air bath, where you can relax deeply while soaking up the natural ambiance. Body soap and shampoo are provided, and rental towels are available, so you can drop in anytime during your travels without needing to bring anything along. ▼Check this article▼ Arashiyama, Kyoto-1 Day Trip|From Popular Spots to Best Kept Secret Spots! Kyoto Arashiyama Sightseeing Half-day Model Course! Capture the bamboo forest, temples, nature, and major spots! 8 Sweets in Arashiyama, Kyoto, from Easy Eats to Stylish Cafes We’ve introduced hot springs that are easily accessible from central Osaka and perfect to pair with sightseeing. Soak in large baths filled with mineral-rich waters and let the relaxation wash over you. Experience the long-cherished culture of onsen in Japan—it’s a must-try during your visit!
-
〈2024〉15 สถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น (เกียวโต โอซาก้า และอื่นๆ)!
Japan in autumn colors. Here are some of the best places in Kansai to see the autumn leaves, by area, from once-in-a-lifetime viewing spots to hidden gems. Please refer to the fall tourism in 2024. Due to the warmer temperatures continuing into November 2024, the peak viewing season for autumn foliage has been delayed. [2024] For real-time updates on the autumn foliage spots along Hankyu Railway! Please check here! *Japanese only -INDEX- 【KYOTO】 〇Higashiyama Area Famous place:Eikando Little known good spot:Anrakuji 〇Arashiyama Area Famous place:Daikaku-ji Temple Famous place:Jojakko-ji Little known good spot:Takenotera-Jizoin 〇Other Area Famous place:Rurikoin Little known good spot:Komyo-ji 【OSAKA】 Famous place:Minoh Waterfall Little known good spot:Katsuo-ji 【KOBE】 Famous place:Sorakuen Garden Famous place:Kobe Municipal Arboretum Little known good spot:Rokko Alpine Botanical Garden Little known good spot:Rokko-Arima Ropeway 【Other Area】 Himeji:KOKO-EN Nara:Hasedera temple 🍁Usual viewing time: mid-November to late November Eikando is the best place in Higashiyama to view the autumn leaves. About 3,000 maple trees cover the entire precincts of the temple. The sight of the tallest pagoda, Dabotou, enveloped by the autumn leaves is a fantastic sight. Japanese maples are planted around the Housho Pond, and the reflection of the Japanese maples and the Gokuraku Bridge in the water is a must-see. 🍁Usual viewing time: mid-November to late November Normally closed to the public, this special temple is open to the public only during the cherry blossom and autumn foliage seasons. Within walking distance is the Philosopher’s Path, which is tinted in autumn, so a walk along this path is recommended. Highlights include the scattered autumn leaves that turn the stone steps of the temple gate bright red and the beautiful garden with Nyoigatake in the background. ▼Check this article▼ 【Kyoto】1 Day Trip|Let’s walk around Higashiyama, Kyoto to see the autumn leaves! 🍁Usual viewing time: late November – early December The combination of the beautiful colors of the pagoda and the fiery maple leaves is gorgeous. Osawa Pond to the east is also a popular spot for viewing autumn leaves. The reflection of the autumn scenery on the surface of the water is fantastic. 🍁Usual viewing time: late November – early December This temple is located on Mt. Ogura, known for the Ogura Hyakunin Isshitsu. In autumn, the approach from the entrance gate to the Niomon Gate is covered in autumn leaves, creating a tunnel of foliage. The autumn leaves surrounding the 12-meter tall Dabotou (pagoda), which is located at the top of the stone steps, is a must-see. The precincts of the temple and the area around the pagoda also offer a panoramic view of Kyoto City. 🍁Usual viewing time: late November – early December It is a well-known autumn foliage viewing spot for those in the know. The trees change color later than other places in Kyoto, and the autumn leaves can be enjoyed until mid-December. Surrounded by lush bamboo groves, the contrast between the green of the bamboo and the changing colors of the autumn leaves is magnificent. The heart-shaped window, Inome-mado, in the Hojo is also open to the public. The autumn leaves cut by the window are breathtakingly beautiful. ▼Food info of Arashiyama area▼ Kyoto Arashiyama Sightseeing Half-day Model Course! Capture the bamboo forest, temples, nature, and major spots! 9 Sweets in Arashiyama, Kyoto, from Easy Eats to Stylish Cafes 🍁Usual viewing time: mid-November to late November Ruriko-in Temple is a popular spot in Rakuhoku Yase, and the spectacular view of the autumn leaves reflecting on the lacquered desk on the second floor is a sight to behold. Anyone can take pictures of this spectacular view by holding up a camera at the desk. It is open to the public only twice a year, in spring and fall. Please enjoy the wide-open view of the autumn leaves as they spread across your field of vision. Special viewing period: October 1, 2024 (Tuesday) – December 15, 2024 (Sunday) *Advance reservation required 🍁Usual viewing time: late November – early December Sohonzan Komyoji Temple is located at the foot of Nishiyama in Nagaokakyo City. Visitors can see the rich expression of nature in each of the four seasons. Every year from mid-November to early December, a special entrance to the temple is held for the autumn foliage. The maple approach to the temple, with its impressive lineup of about 250 old maple trees, is a superb photo spot. Nishiyama is one of Kyoto’s best but not well-known sightseeing spots. If you want to enjoy Kyoto without the crowds, or if you want to visit a spot that is not yet known, check out the article below. ▼Check this article▼ Kyoto Nishiyama|An undiscovered sightseeing spot in Kyoto! 🍁Usual viewing time: mid-November to early December Minoh Great Falls is one of the best places in Osaka to view the autumn leaves. The contrast between the waterfall and the autumn leaves in the vast Minoh Park is spectacular. You can enjoy the autumn leaves everywhere along the 2.6 km route from Hankyu Minoh Station to the falls. If you come to Minoh, you must try the famous “Momiji no Tempura” (maple leaf tempura). It is a slightly sweet and crunchy snack made by carefully frying real maple leaves one by one. You can buy it at a store on Takimichi. ▼Check this article▼ Note on how to get to Minoh Waterfall! Points that international travelers should know before going there 🍁Usual viewing time: mid-November to early December Known since ancient times as a temple of good fortune, the precincts of Minoh’s Katsuo-ji Temple are decorated with brilliant autumn leaves in November. The tunnel of autumn leaves covering the approach to the temple is especially spectacular. The contrast between the green mountains in the background and the autumn leaves is like a painting. Katsuo-ji Temple is also known as the temple of “Kachi-Dharma”. Small Dharma dolls are laid everywhere, including on the stairs and stone walls. Please enjoy the adorable Dharma and beautiful nature. ▼Check this article▼ What is the highlight of Katsuo-ji in Minoh? A temple of luck to win in Osaka sightseeing ▼Sightseeing and food info of Minoh▼ A Guide of Minoh|Sightseeing, Food and Transportation 🍁Usual viewing time: mid-November to early December Sorakuen Garden is the only Japanese garden in Kobe City’s urban parks. It is a kaiyu-style garden with a pond, with stepping stones and stone bridges across which visitors can view streams and waterfalls. The garden is famous for azaleas in spring, and in autumn the garden is decorated with autumn leaves. Important cultural properties such as the boathouse and the former Hassam residence, which were relocated for preservation, are also highlights. Why not enjoy an authentic Japanese garden and fall foliage viewing in the city of Kobe? 🍁Usual viewing time: late October – early November The park is divided into different regions of the world, such as North America and Europe, and different types of trees, so that visitors can learn about the diverse beauty of autumn leaves. The area around Hase Pond is a particularly beautiful spot for viewing the autumn colors in a water mirror. Let’s take a stroll through the vast park and enjoy the world tour of autumn leaves! ▼Sightseeing and food info of Kobe▼ 10 Delicious Gourmet Foods in Kobe! Local Specialties and Local Foods Recommended by Locals 10 Japanese Sake Tasting Spots in Nadagogo|Sake Breweries near Kobe 6 Sake Brewery Restaurants in Nadagogo near Kobe First Time in Kobe. 21 Best Things to Do! Sightseeing, Spots, Dining, Model Course 🍁Usual viewing time: late October – early November Located at an altitude of 865 meters, the Rokko Alpine Botanical Garden reaches its autumn foliage season earlier than the city. Trees like maples and beeches typically begin to change color from mid-October, with the peak season lasting until mid-November. Taking advantage of the climate, which is similar to southern Hokkaido, the garden cultivates alpine plants, allowing visitors to enjoy the autumn colors of a wide variety of rare plants. During the Kobe Rokko Meets Art festival, you can enjoy illuminated autumn leaves! ▼KOBE ROKKO MEETS ART Information▼ KOBE ROKKO MEETS ART 2024 beyond – Art Festival Held on the Mountain | Latest Information of 2024 🍁Usual viewing time: late October – early November The Rokko-Arima Ropeway connects the top of Mt. Rokko and Arima Onsen in about 12 minutes. Visitors can enjoy the changing autumn leaves depending on the elevation. The view of the autumn foliage from the gondola’s large foot-high windows is spectacular. Don’t forget to stop by Kobe Rokko Meets Art 2024 beyond, which is being held on Mt. Rokko until November 24, 2024. Also, at Arima Onsen, you can enjoy nature, hot springs and food! ▼Check this article▼ Arima Onsen-1 Day Trip|Enjoy Hot Springs, Gourmet, and Nature! The 10 best food and sweets in Arima Onsen Town 🍁Usual viewing time: mid-November to late November There are nine gardens of different styles with Himeji Castle, which is registered as a World Heritage site, in the background. Because of the atmosphere of the Edo period, the gardens are often used for filming movies and TV dramas. In the fall, the Autumn Foliage Festival is held from mid-November to early December. The best time to visit is during the “Momiji-kai” (autumn foliage viewing), when the leaves are illuminated for a fantastic view. You can enjoy a fantastic view that is different from that of daytime. 🍁Usual viewing time: late November – mid December Hasedera Temple, located in Sakurai City, Nara Prefecture, is known as the “Temple of Flowers”. The temple is open twice a year, in spring and fall, for a limited time for special visits. A must-see spot is the floor of the hall of worship. In autumn, visitors can enjoy the “Yuka-momiji” (floor maple leaves) that turn bright red. The view of the autumn leaves from the stage in front of the main hall is not to be missed. The five-story pagoda surrounded by autumn leaves is a magnificent sight. Be sure to visit Hasedera Temple, where the entire mountain is decorated with autumn leaves. Autumn in Japan is very vivid. There are so many places to see the autumn leaves that it is impossible to visit them all at once. Please find your favorite spot and enjoy the autumn foliage as you wish.
-
Kyo-Train Garaku | สัมผัสเกียวโต ตั้งแต่วินาทีแรกที่ก้าวเข้าไป – รถไฟที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ
รถไฟด่วนพิเศษเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยว Kyo-train GARAKU ของบริษัท Hankyu เปิดตัวในปี 2019 รถไฟ Hankyu เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปในเรื่องตัวรถสีน้ำตาลแดง ที่นั่งสีมะกอกทอง และผนังลายไม้ แต่ Kyo-train GARAKU เป็นรถไฟด่วนเที่ยวชมสถานที่พิเศษที่ได้รับการออกแบบโดยอิงจากธรรมชาติและสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมของเกียวโต และการออกแบบตัวรถและภายในรถไฟนั้นแตกต่างจากรถไฟทั่วไปอย่างมาก -INDEX- ฉันจะขึ้น Kyo-train GARAKU ได้ที่ไหน Kyo-train GARAKU ให้บริการเมื่อใด การขึ้น Kyo-train GARAKU มีค่าใช้จ่ายเท่าไร ฉันนำสัมภาระขึ้น Kyo-Torayin GARAKU ได้หรือไม่ Kyo-train GARAKU มีคุณสมบัติอะไรบ้าง ภาษาไทยรถที่ 1: การเดินทางสู่เกียวโตเริ่มต้นในฤดูใบไม้ร่วง รถที่ 2: รถที่แสดงถึงฤดูหนาวอันสง่างามของเกียวโต รถที่ 3: พาอากาศฤดูใบไม้ผลิอันแสนงดงาม รถที่ 4: แสดงถึงกลางฤดูร้อนของเกียวโตด้วย Aoi รถที่ 5: ธีมคือเกียวโตในช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงที่สดชื่น รถที่ 6: ยานพาหนะที่หรูหราสำหรับการพักผ่อนในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ พื้นที่พิเศษเพื่อการพักผ่อนและเพลิดเพลินไปกับความหรูหราของการเที่ยวชมเมืองเกียวโต สถานีต่อไปนี้ 6 สถานีพร้อมให้บริการขึ้น Kyo-train GARAKU สถานี Osaka-umeda สถานี Juso สถานี Awaji สถานี Katsura สถานี Karasuma และสถานี Kyoto-kawaramachi บน Hankyu Kyoto Line หากเป็นไปได้ ให้ขึ้นรถไฟจากสถานี Hankyu Osaka Umeda หรือสถานี Kyoto Kawaramachi และเพลิดเพลินไปกับการเดินทาง 45 นาทีของ Kyo-train GARAKU รถไฟวิ่งเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์เท่านั้น อาจมีการกำหนดวันให้บริการพิเศษในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว โปรดดูรายละเอียดด้านล่าง 2024 2025 โปรดคลิกที่นี่เพื่อดูตารางเวลา ค่าโดยสารปกติเท่านั้น ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมด่วน สามารถโดยสารด้วยตั๋วปกติหรือบัตร IC เช่น ICOCA ได้ นอกจากนี้ยังไม่มีที่นั่งแบบจอง ดังนั้นคุณจึงสามารถเดินทางได้อย่างอิสระเช่นเดียวกับรถไฟปกติ ในรถไฟสาย Hankyu ผู้โดยสารแต่ละคนสามารถนำสัมภาระขึ้นรถได้คนละ 2 ชิ้นโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตราบใดที่สัมภาระแต่ละชิ้นเป็นไปตามเงื่อนไข 3 ข้อต่อไปนี้ 1. ด้านใดด้านหนึ่งยาวไม่เกิน 2 เมตร 2. ด้านใดด้านหนึ่งยาวไม่เกิน 2.5 เมตร 3. น้ำหนักไม่เกิน 30 กิโลกรัม โปรดคำนึงถึงผู้โดยสารท่านอื่นด้วยเมื่อต้องถือสัมภาระขนาดใหญ่ รถแต่ละคันมีการออกแบบที่แตกต่างกัน รถแต่ละคันตั้งแต่หมายเลข 1 ถึงหมายเลข 6 มีธีมที่แตกต่างกัน โดยมีการออกแบบที่สงบเงียบโดยอิงจากดอกไม้ นก และลวดลายดั้งเดิม ฉันจะพาคุณดูรถทีละคันจากที่นี่! นี่คือที่นั่งที่มีลวดลาย "ต้นเมเปิลในน้ำไหล" ซึ่งเป็นลวดลายใบไม้ในฤดูใบไม้ร่วงที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นการออกแบบที่น่าทึ่งมาก โดยมีเสื่อทาทามิติดอยู่ที่พนักพิงและแม้กระทั่งที่เบาะนั่ง ที่นั่งแบบที่นั่งเดี่ยวยังมีพนักพิงสูงเพื่อให้คุณไม่ต้องกังวลกับคนที่อยู่ข้างหลัง การออกแบบที่วางแขนแบบหุ้มรอบทำจากไม้ทำให้มีบรรยากาศอบอุ่น พื้นที่ทางเดินกว้างและโปร่งสบาย ที่นั่งแบบเคียงข้างกันนั้นจัดวางตามแนวผนังและมองเห็นได้ตลอดทางไปด้านหลังอย่างงดงาม นี่คือสวนภูมิทัศน์แบบแห้งแล้งที่ได้รับความนิยมอย่างมากเมื่อเปิดตัวครั้งแรก ในญี่ปุ่นมีรถไฟท่องเที่ยวที่มีการออกแบบหลากหลายมากมาย แต่ขบวนนี้ไม่ใช่หนึ่งในนั้น ความจริงที่ว่ามีสวนอยู่ภายในรถไฟนั้นน่าทึ่งมาก! ธีมของตู้รถที่ 3 คือฤดูใบไม้ผลิ ภายในรถมีบรรยากาศที่นุ่มนวลด้วยลวดลายดอกซากุระและสีชมพูและสีเบจอ่อน ตู้รถที่ 3 มีที่นั่งที่หันไปทางหน้าต่าง ฉันนึกภาพออกว่าคงจะวิเศษแค่ไหนหากได้นั่งในรถคันนี้และผ่านแถวของต้นซากุระ ตู้รถที่ 4 ซึ่งมีธีมฤดูร้อน มีเบาะนั่งพิมพ์ลายคลัวซอนน์และผนังลายตารางหมากรุก ทำให้ตู้รถนี้ดูเคร่งขรึมและเก๋ไก๋ที่สุดในบรรดาตู้รถทั้ง 6 ตู้ กันสาดทำจากซูดาเระ (มุ้งลวดไม้ไผ่) และส่วนบนปิดด้วยยูกิมิโชจิ (ประตูบานเลื่อน) ทำให้ได้บรรยากาศแบบบ้านทาวน์เฮาส์แบบดั้งเดิมของเกียวโต ขอแนะนำให้คุณนั่งในที่นั่งเดี่ยวที่กว้างขวางและเพลิดเพลินไปกับการเดินทางคนเดียว ตู้รถที่ 5 มีสวนสึโบนิวะที่มีสึคุไบและหินในสวน ซึ่งมีธีมเป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงก่อนที่ฤดูใบไม้ร่วงจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ภายในรถไฟมีบรรยากาศที่เป็นประกายระยิบระยับด้วยลายกระดานหมากรุกหลากสีสันที่ใช้สีสันสดใส มีลวดลายแสดงความยินดี เช่น นกกระเรียนและต้นสน วาดไว้รอบ ๆ หน้าต่างวงกลม Kyo-train GARAKU มีทางเดินภายในที่น่าประทับใจ ซึ่งแตกต่างจากรถไฟ Hankyu ทั่วไป ทางเดินลายไม้สีเข้มนั้นกว้างและโปร่งสบาย ราวกับเป็นทางเดินที่ได้รับการดูแลอย่างดีในโรงเตี๊ยมญี่ปุ่นเก่าแก่ หนังและไฟยังได้รับการออกแบบในสไตล์ญี่ปุ่นที่ทันสมัยเพื่อให้กลมกลืนไปกับทิวทัศน์ภายในรถไฟ รถไฟด่วนพิเศษท่องเที่ยว “Kyo-train GARAKU” ได้รับการออกแบบด้วยแนวคิด “ให้ผู้คนเพลิดเพลินกับช่วงเวลาที่ใช้เดินทางไปเกียวโต” หวังว่าคุณจะเพลิดเพลินกับการนั่งรถไฟ Kyo-train GARAKU ทั้งไปและกลับ ↓ลองดูสิ!↓ เที่ยวชม Arashiyama และคาวาระมาจิด้วยรถไฟ Hankyu “Kyo-train Garaku”
-
【เกียวโต】ทริป 1 วัน|เที่ยวฮิงาชิยามะ เกียวโต ชมใบไม้เปลี่ยนสี!
-
ทริป 1 วันใน Arashiyama เกียวโต|ตะลุยเที่ยวทั้งสถานที่ยอดนิยมไปจนถึงสถานที่ลับสุดยอด!
-
ทริป 1 วัน Higashiyama, Kyoto|ร้านเช่าชุดกิโมโนที่ดีที่สุด♡
-
ทริป Rakusaiguchi เกียวโต 1 วัน|ปั่นจักรยานใน Bamboo Grove กันเถอะ !
-
ทริป เกียวโต 1 วัน|สัมผัสประสบการณ์แฮนด์เมด! Yuzen Dyeing ทำ Umeshu (เหล้าบ๊วย) และ Wagashi (ขนมญี่ปุ่น)
หมวดหมู่
ตารางการเดินทาง
*กำหนดการสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา